* * * * ข้อคิดธรรมะ #2 * * * * บล็อกที่ 995
พระพุทธมหานวมินทรศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ
ข้อคิดธรรมะ #2
บล็อกวันนี้ จัดทำขึ้นเนื่องในโอกาส วันมาฆบูชา วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2556 จขบ.ขอนำ 'ข้อคิดธรรมะ #2' มาช่วยเผยแพร่ เป็น 'ข้อคิดจากธรรมะ' ที่มีอยู่จำนวนมากมาย หลายผู้เขียน รวบรวมอยู่ใน facebook.com/TUNYAR จขบ.ขอขอบคุณ คุณTUNYAR เจ้าของเฟซบุ๊ค ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย
1
เจ้าเกิดมา ... มีอะไร ... มาด้วยเล่า
เจ้าจะดู ... แรงเงา ... สนุกไฉน
เจ้าจะดู ... The Voice ... ไม่เป็นไร
อย่าลืมดู ... กายใจ ... เท่านั้นพอ
พระพุทธรูปองค์นี้ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า 'หลวงพ่อใหญ่' เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ประดิษฐานกลางแจ้ง ณ วัดม่วง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง
2
สิ่งที่ต้องสร้าง คือความดี
สิ่งที่ต้องมี คือศีลธรรม
สิ่งที่ต้องจดจำ คือบุญคุณ
สิ่งที่ต้องเพิ่มพูน คือสติปัญญา
สิ่งที่ต้องแสวงหา คือหนทางพ้นทุกข์
พระพุทธมหานวมินทรศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ สร้างขึ้นโดยดำริของพระครูวิบูลอาจารคุณ (เกษม อาจารสุโภ) เจ้าอาวาสองค์แรกของวัดม่วง
3
หาอะไรก็ไม่เท่า หาตัวตน
เห็นอะไรก็ไม่เท่า เห็นใจตน
แก้อะไรก็ไม่เท่า แก้ที่ตน
4
ความโลภไม่เคยทำให้ใครเป็นสุข
ความโลภไม่เคยทำให้ใครเจริญ
ความโลภไม่เคยทำให้ใครมีเงินเก็บ
อย่าโลภ อย่าอยากได้ทรัพย์สินของคนอื่นที่ไม่ใช่ของเรา
หากอยากได้อยากมี เราต้องหาด้วยตัวของเราเอง
ศีลข้อ 2 ไม่ได้หมายถึงการลักทรัพย์เพียงอย่างเดียว
ยังรวมไปถึงการนำทรัพย์ของผู้อื่นไปใช้ แล้วไม่คืนเขา
จงระวังใจตัวเอง ละความโลภ ละความอยากได้ ละความอยากมี ในสิ่งของของผู้อื่น
ราวบันไดทางขึ้นมีทั้งพญานาคและมังกร
5
ที่อกหัก ก็เพราะยอมเป็นฝ่ายถูกทิ้งทางกายข้างเดียว
ทําไมไม่หัดให้เขา เป็นฝ่ายถูกทิ้งด้วยใจเราดูบ้าง
อย่าตั้งโจทย์ว่า จะ "ทำใจ" อย่างไรดี
ต้องตั้งโจทย์ว่า จะ "เปลี่ยนใจ" อย่างไรได้
การเปลี่ยนใจ หมายถึงการเปลี่ยนที่ตั้งของความคิด
แทนที่จะย้ำคิดว่า "เขาเคยเป็นของเรา" ซึ่งเกิดขึ้นแบบเชื่อไปเอง
ให้กลายเป็น "เขาไม่เที่ยง และไม่เคยเป็นของใครจริง"
อย่าคิดว่า เราเป็นฝ่ายถูกทิ้ง
ให้คิดว่า เราเป็นฝ่ายเลือกที่จะทิ้งขยะชิ้นหนึ่งออกจากใจ
อย่าคิดว่า เราเป็นฝ่ายเหงา
ให้คิดว่า เราเป็นฝ่ายเลือกพักร้อนอย่างสบายใจสักระยะ
อย่าคิดว่า เราเป็นฝ่ายทรมาน
ให้คิดว่า เราเป็นฝ่ายเลือกทำความสุขให้แก่เขา
อย่าคิดว่า เราควรเหนี่ยวรั้งเขา
ให้คิดว่า เราควรเป็นฝ่ายให้อิสระแก่คนอื่น
ถ้าเปลี่ยนมโนกรรม (กรรมทางความคิด) จากมืดเป็นสว่างได้
ชีวิตก็จะสว่างเอง
จิตที่สว่างย่อมอบอุ่นเป็นสุข
มีแต่ความอิ่มเต็มเบิกบาน
มีแต่อยากได้อิสระ ให้ตนเองและใครๆ ทั้งโลก
ก่ออิฐถือปูน ฉาบสีทอง ขนาดความกว้าง 63.05 เมตร ความสูง 95 เมตร เทียบเท่าตึก 40 ชั้น การเดินวนรอบองค์พระ ต้องใช้เวลา กว่า 3 นาที
6
ชีวิตเราจะเจริญหรือตกต่ำ
ไม่ได้อยู่ที่ใครหน้าไหนเลย
แต่อยู่ที่การกระทำของเราเอง
ชีวิตเป็นเรื่องของการเสาะหา ไม่ใช่เกิดมาเป็น
ชีวิตเป็นเรื่องของการต่อสู้ ไม่ใช่นั่งดูดวง
ชีวิตเป็นเรื่องของการฟันฝ่า ไม่ใช่ฟ้าบันดาล
ชีวิตเป็นเรื่องของความเชี่ยวชาญ ไม่ใช่โชคช่วย
จุดต่ำที่สุดในชีวิต ที่ทุกคนประสบ
เป็นได้ทั้งจุดจบ และบทเรียนที่ดี
อยู่ที่คุณจะฉลาด เลือกแบบไหน !!
ถ้าไม่มีใครยอมยื่นมือมาช่วยเหลือ
จงอย่าลืมว่า ยังเหลืออีกหนึ่ง อยู่ตรงปลายแขนของคุณเอง
ที่พร้อมจะช่วยเสมอ
ผู้ชนะ ไม่เคยยอมแพ้
ผู้ที่ยอมแพ้ จะไม่เคยชนะ
ระยะเวลาในการก่อสร้างกว่า 16 ปี ใช้ทุนทรัพย์ในการสร้างจากการบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา 104,261,089.65 บาท
7
น้ำเน่า ต้องไล่ด้วยน้ำดี
ไม่มีน้ำเน่าที่ไหน ล้างน้ำเน่าด้วยกันได้
ฉันใดก็ฉันนั้น จิตที่ดำมืด ย่อมไล่ได้ด้วยจิตที่สว่างไสว
จิตที่สกปรก ย่อมไล่ได้ด้วยจิตที่สะอาด
ในวันที่ทุกสิ่งดูผิดพลาดไปหมด
ขอเพียงเหลือใจที่ถูกต้องไว้ดวงเดียวก็พอ
แล้วใจจะพาทุกอย่าง กลับเข้าที่เข้าทางไปเอง
หากคุณรักษาใจ ไว้ไม่ให้เศร้าหมอง
จะด้วยการฟังธรรม
หรือมองเหตุการณ์ให้เป็นธรรม
หรือสุดยอดคือ เจริญสติ ให้เห็นอารมณ์ทางใจเป็นเพียงสภาพธรรมที่ไม่เที่ยง
เศร้าได้ ก็คลายได้
โกรธได้ ก็หายได้
มืดได้ ก็สว่างได้
ในที่สุด จะเหลือจิตที่ประกอบด้วยสติ
ไม่ดำดิ่งตามช่วง "ดวงตก"
ผลที่ออกมาอย่างชัดเจนเป็นอันดับต้นๆ คือ คุณจะไม่ทำผิดพลาด
ไม่พูดผิดพลาด ให้ถลำลึกลงไปอีก
ความคิดประชดชีวิตจะไม่อยู่ในหัว
และอันดับต่อมา คุณจะพบว่าตัวเองค่อยๆ อยู่ท่ามกลางทางออกของปัญหา
ซึ่งแต่เดิม อาจมองไม่เห็นเลยสักทางเดียว เพราะจิตเคยหม่นมืดด้วยโมหะ
ต่อเมื่อโมหะ ถูกชำแรกแทนด้วยแสงกุศล
อะไรๆ รอบตัว จึงปรากฏโดยสภาพแท้จริงของมัน
คือไม่แย่ อย่างที่คิด
ชีวิตจะแย่จริงๆ ก็เมื่อคุณยอมให้ จิตถูกเหตุการณ์ร้ายๆ ปรุงแต่งจนถึงวันตาย
สิ่งร้ายเริ่มกลายเป็นดี ตั้งแต่ธรรมะดี ๆ
มาประดิษฐานที่กลางใจ
ผู้มาทำบุญ จะถวายดอกไม้จุดธูปเทียนบูชา หน้าองค์พระขนาดจำลองที่ด้านหน้าบันไดทางขึ้น
8
คนจะงาม .. งามน้ำใจ .. ใช่ใบหน้า
คนจะแก่ .. รอยตีนกา .. ไม่อาจหนี
แม้จะผ่าน .. กาลเวลา .. อีกกี่ปี
ด้วยความดี .. อบอุ่นใจ .. ใกล้ใจงาม
แต่งตัวดี อาจทำให้น่าสนใจได้ ตั้งแต่แรกพบ
แต่ถ้านิสัยไม่น่าคบ ยังไงก็คงไม่น่าอยู่ใกล้ เท่าคนจิตใจดี
คนจะงาม .. งามที่ใจ .. ใช่น้ำหนัก
คนจะรัก .. รักที่ใจ .. ใช่ต้นแขน
คนจะสวย .. สวยที่ใจ .. ใช่นมแบน
ใหญ่ที่แขน .. ล่ำที่ขา .. อย่าได้แคร์
แดนนรก อยู่ภายในบริเวณวัดม่วง มีรูปปั้นหลากหลายรูปแบบ เพื่อเตือนสติผู้คน
9
คนบางคนโชคดี ที่มีผู้คนคอยช่วยเหลือเกื้อกูล
แต่คนบางคนโชคดีกว่า ที่สามารถช่วยเหลือตัวเองและเกื้อกูลผู้อื่นด้วย
10
อายุ บอกความแก่
การควบคุมอารมณ์ บอกระดับอาวุโส
พระบูชาประจำวันเกิด
11
ถ้าปากยังพ่นไฟ
ใจก็ไม่มีทางเย็น
12
คนน่ารังเกียจ อาจอยู่ข้างบ้าน ในที่ทำงาน หรือแหล่งท่องเที่ยว
คุณหาทางเป็นอิสระจากความเกลียดไม่ได้
โลกทั้งใบ ก็ไม่ต่างจากคุก
13
คนเลวที่สุดในโลก ไม่ใช่คนที่คุณพบว่า เขาทำเรื่องเลวกว่าใคร
แต่เป็นคนที่คุณพบว่า เขาทำให้ใจของคุณมืดดำด้วยความเกลียดมากกว่าคนอื่น
พระประธานในโบสถ์วัดม่วง
โบสถ์วัดม่วงล้อมรอบด้วยกำแพงกลีบบัว เป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากโบสถ์วัดอื่นๆ
14
ความเกลียดเป็นทุกข์
ยิ่งเกลียดคนอื่นมากขึ้นเท่าไร
ใจคุณ ยิ่งเกลียดสภาพของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น
15
เป็นไปไม่ได้ ที่จะอภัยศัตรู ขณะถือความเกลียดเป็นมิตร
แต่เป็นไปได้ ที่จะอภัยมิตร ขณะถือความเกลียดเป็นศัตรู
บันไดทางขึ้นวิหารกระจกหรือวิหารแก้ว (อาคารสีเงิน) เป็นพญานาคเศียรเดียวกับพญานาคสามเศียร
พระประธานในวิหารกระจก
16
ความรู้สึกดีๆ เกิดขึ้นได้ทุกวัน
โดยเฉพาะตอนเอาชนะความเกลียด และตอนเลิกถือสาหาความ ใครต่อใคร
ในวิหารกระจกมีรูปปั้นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังทั่วประเทศ
17
คุณอาจโกรธโดยไม่ตั้งใจ
แต่ไม่มีทางอภัยโดยบังเอิญ
คนอารมณ์เย็นจริง ใช่ว่าไม่โกรธเลย
แต่เป็นคนที่เจอเรื่องกระทบแล้ว เกิดความโกรธแล้ว ไม่เห็นความโกรธเป็นตน
แต่เห็นความโกรธเป็นสิ่งดับได้อย่างรวดเร็ว
ถ้าอยากพูดด่าหรืออยากลงมือทำร้ายใคร
ตอนนั้นความโกรธมีไว้ห้าม ไม่ใช่มีไว้ดู
แต่ถ้า แค่หงุดหงิดคิดไม่ดีกับใคร
ตอนนั้นความโกรธมีไว้ดู ไม่ใช่มีไว้ห้าม
ฝึกอยู่อย่างนี้ ไม่ว่าจะโกรธหนักหรือโกรธเบา
จิตของคุณจะกลายเป็นนักดูความโกรธ
คุณสมบัติเด่นของนักดูความโกรธ คือไม่ถูกความโกรธครอบงำ
แล้วก็ไม่พยายามครอบงำความโกรธด้วย
กระทั่งเหมือนแยกกันเป็นคนละฝ่าย
ฝ่ายหนึ่งโกรธให้ดู อีกฝ่ายหนึ่งรู้ความโกรธ
ระลึกไว้
ถ้าเกิดโทสะแล้ว ยอมรับตามจริงว่า
มันแรงขึ้นได้ ก็อ่อนลงได้
ผู้หวงความโกรธไว้
ได้ชื่อว่า หวงทุกข์ไว้
ผู้ยินยอมเปล่งคำพูด และลงมือกระทำการเพื่อรับใช้ความโกรธ
ย่อมได้ชื่อว่า ยังทำตัวเป็นบ่าวไพร่ของโทสะ
ยากจะเอาชนะ เพื่อเลื่อนชั้นขึ้นเป็นนายของกิเลส
ไม่อาจลิ้มรสความเยือกเย็น อันเป็นอมตะตามพระผู้สิ้นโกรธได้
สรุปคือ การรบกับความโกรธที่ดีที่สุด คือ
การไม่คาดหวังเอากับตัวเองว่า จะไม่โกรธ
และเมื่อโกรธแล้ว ก็ให้ยอมรับตามจริง
เมื่อยอมรับตามจริง ก็ย่อมเห็นความจริงอันไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
ทำความเข้าใจไว้ให้ดีๆ ตั้งแต่แรกว่า
ความโกรธ ความขัดเคือง ความเกลียด ความกลัวทั้งปวงนั้น หาใช่ตัวเราไม่
โทสะเป็นเพียงความกระเพื่อมไหวของจิต มิใช่ตัวจิตเอง
เปรียบเหมือนคลื่น ไม่ใช่น้ำ เป็นแค่อาการกระเพื่อมไหวของน้ำเท่านั้น
เลิกยึดมั่นถือมั่นว่า คุณต้องดี คุณจะเอาดี
แต่เปลี่ยนเป็นรับสภาพตามจริงว่า
จิตไม่จำเป็นต้องดี จิตไม่ได้มีไว้เพื่อเอาดี
จิตเป็นเพียงธรรมชาติที่ถูกกระทบได้
เกิดความกระเพื่อมไหวได้ แล้วกลับสงบลงได้.
ขอเพียงไม่เอา ตัวเอง เป็นที่ตั้งของการรบ
วันหนึ่งการรบจะสิ้นสุด
โดยไม่มีใครแพ้ ไม่มีใครชนะ
มีแต่สภาพทุกข์คลี่คลายไปสู่ความดับสนิท เย็นสนิท
เป็นบรมสุขเหนือภาวะเร่าร้อนใดๆ
"โกรธอย่างรู้ ดีกว่า หายโกรธอย่างไม่รู้".
รูปภาพในบล็อกวันนี้ ถ่ายเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2556 .. ขอเชิญคลิกชม Google Map ไปวัดม่วง อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง
บล็อกที่ 890 'ข้อคิดธรรมะ' เขียนเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2555
ขอขอบคุณที่ติดตาม
จาก สิน yyswim
ขอขอบคุณที่กรุณาโหวตให้ ในสาขา Best Topical Blog ขอขอบคุณครับ
Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2556 |
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2556 12:44:02 น. |
|
9 comments
|
Counter : 4476 Pageviews. |
|
|
|
มีหลายข้อที่ผมเห็นด้วย... เช่น
เจ้าเกิดมา ... มีอะไร ... มาด้วยเล่า
เจ้าจะดู ... แรงเงา ... สนุกไฉน
เจ้าจะดู ... The Voice ... ไม่เป็นไร
อย่าลืมดู ... กายใจ ... เท่านั้นพอ
อีกอย่าง ความหมายคล้าย ๆ แบบนี้
แก้อะไรก็ไม่เท่า แก้ที่ตน
คนเขียน คิดเขียนขึ้นมาดีจังครับ ส่วนภาพ
ข้างบนชัดแจ๋ว มุมกล้องสวยครับ